“อลงกรณ์”ประชุมการขับเคลื่อนศูนย์นวัตกรรมเกษตรและเทคโนโลยี (AIC) สัญจร พื้นที่เขตตรวจราชการกระทรวง เขต 9 ทั้ง 5 จังหวัด (จันทบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว) (ชมคลิป)

“อลงกรณ์”ประชุมการขับเคลื่อนศูนย์นวัตกรรมเกษตรและเทคโนโลยี (AIC) สัญจร พื้นที่เขตตรวจราชการกระทรวง เขต 9 ทั้ง 5 จังหวัด (จันทบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว)

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=0-jRzxB3WrM[/embedyt]

 

วันที่ 16 มี.ค. 64 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะกรรมการศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจราชการ โดยมี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวต้อนรับและร่วมประชุมการขับเคลื่อนศูนย์นวัตกรรมเกษตรและเทคโนโลยี (AIC) สัญจร พื้นที่เขตตรวจราชการกระทรวง เขต 9 ทั้ง 5 จังหวัด (จันทบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว) และติดตามวางแผนรับมือการบริหารจัดการผลไม้ในรอบปีการผลิต 2564 ที่กำลังจะมีผลผลิตออกสู่ท้องตลาดในระยะเวลาอันใกล้นี้

โดยมี ประธานศูนย์ AIC จังหวัดจันทบุรี (ผศ.ไวกูณฑ์ ทองอร่าม) ประธานสภาเกษตรกรจันทบุรี (นายธีระ วงษ์เจริญ) ประธานเครือข่ายแปลงใหญ่ (นายธีรภัทร อุ่นใจ) ประธานเครือข่าย biz club จันทบุรี (ดร.ณุกานดา กิติศุภวัฒนา) ตัวแทนภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคเกษตรกร เข้าร่วมในการประชุมขับเคลื่อนนี้ พร้อมกันนั้น ได้เยี่ยมชมนิทรรศการจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรของศูนย์ AIC ทั้ง 5 จังหวัด ซึ่งจะได้นำไปพิจารณาต่อยอดและทำ Business matching การสนับสนุนทุนวิจัย และนำเข้าสู่ Innovation Catalog เพื่อนำไปใช้ขับเคลื่อนการพัฒนาการเกษตรต่อไป


การประชุมได้มีการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงาน รวมถึงการนำเสนอ เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรของ AIC ทั้ง 5 จังหวัด อันประกอบด้วย
1) ศูนย์ AIC จังหวัดจันทบุรี ศูนย์ AIC จังหวัดตราด โดย ประธานศูนย์ AIC จังหวัดตราด ดร.กรรณิกา สุภาภา วิทยาลัยชุมชนตราด
ศูนย์ AIC จังหวัดนครนายก ศูนย์ AIC จังหวัดปราจีนบุรี โดย ผู้แทนศูนย์ AIC จังหวัดปราจีนบุรี ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครหนือปราจีนบุรี
5) ศูนย์ AIC จังหวัดสระแก้ว โดย ประธานศูนย์ AIC จังหวัดสระแก้ว (ดร. ประทีป อูปแก้ว ) ม.บูรพา วิทยาเขตสระแก้ว

และการพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการผลไม้ โดยมีประเด็นในการวางแผนการรับมือผลผลิต การกระจายสินค้าผลไม้ และการใช้องค์กรวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ และความร่วมมือต่างๆ ที่มีอยู่ในการป้องกันปัญหาเมื่อผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก เพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกรทั้งระบบ ซึ่งหลักการบริหารจัดการผลไม้ปี 2564 ถึง 2566 คือ มีข้อมูลการผลิตที่ชัดเจนเพื่อเชื่อมโยงกับตลาดผู้ซื้ออย่างรวดเร็วด้วยช่องทางการค้าออนไลน์อย่างเหมาะสม ให้จังหวัดบริหารจัดการผลไม้แบบเบ็ดเสร็จด้วยตนเอง มีการจัดทำแผนบริหารจัดการผลไม้ประจำปี 2564 ให้สอดคล้องตามยุทธศาสตร์การพัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. 2558 ถึง 2564 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือ


1 การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการพัฒนาคุณภาพผลไม้ทั้งในและนอกฤดู
2 ส่งเสริมการผลิตตามมาตรฐาน GAP
3 ส่งเสริมและพัฒนาการผลิตตามมาตรฐานสินค้าเกษตรด้านไม้ผล
ในส่วนของมาตรการดำเนินการแบ่งเป็นการดำเนินการระยะก่อนเก็บเกี่ยวซึ่งมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการส่งเสริมการผลิตไม้ผลนอกฤดูเน้นพัฒนาคุณภาพผลผลิตเป็นหลักและส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยให้รวมกลุ่มเพื่อผลิตไม้ผลคุณภาพตามระบบส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่จัดทำข้อมูลเอกภาพและพยากรณ์ผลผลิต ระยะเก็บเกี่ยวผลผลิตมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการชี้เป้าแหล่งผลิตผลไม้คุณภาพได้ชัดเจนส่งเสริมการบริโภค

และประชาสัมพันธ์ป้องปรามผลผลิตด้วยคุณภาพออกสู่ตลาดส่งเสริมการแปรรูปส่งเสริมการรวบรวมคัดแยกและจัดชั้นคุณภาพผลผลิตการจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับ และส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งผลิตคุณภาพ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์จะเป็นหน่วยงานหลักดำเนินการสนับสนุนการกระจายผลผลิตจัดทำข้อมูลและกำกับดูแลสถานประกอบการผลักดันการส่งออกส่งเสริมการเปิดตลาดต่างประเทศแห่งใหม่ส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิตให้มีช่องทางการจำหน่ายทันสมัย สำหรับระยะหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินผลการดำเนินงานให้ครอบคลุมด้านการผลิตและการตลาดเพื่อปรับปรุงและกำหนดแนวทางการพัฒนาสำหรับปีต่อไป


โดยนายอลงกรณ์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงการขับเคลื่อนกระทรวง ภายใต้กรอบ 5 ยุทธศาสตร์ 15 นโยบาย ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งประกอบไปด้วย
5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1) ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต 2) ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 3) ยุทธศาสตร์ “3’s” (Safety-Security-Sustainability-เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคง และเกษตรยั่งยืน) 4) ยุทธศาสตร์การบริหารเชิงรุกแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะโมเดล “เกษตร-พาณิชย์ทันสมัย” 5) ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืนตามแนวทางศาสตร์พระราชา

15 นโยบาย ประกอบด้วย 1) นโยบาย “ตลาดนำการผลิต” 2) นโยบายการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันเกษตรกรและเศรษฐกิจฐานราก 3) นโยบายการส่งเสริมสถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการ และ Start up 4) นโยบายการส่งเสริมเกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) 5) การพัฒนาศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) 6) การพัฒนา ระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร 7) การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ

8) การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม 9) การส่งเสริมศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) 10) การประกันภัยผลผลิตทางการเกษตรจากภัยพิบัติต่างๆ 11) การส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน 12) การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน 13) การวิจัยและพัฒนา
เพื่อตอบสนองการพัฒนาภาคเกษตรของประเทศไทย 14) การพัฒนาฐานข้อมูล Big Data 15) การประกันรายได้ของเกษตรกร ผู้ปลูกข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมันและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

นอกจากนั้น ยังได้มีการแถลงถึงความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และสภาอุตสาหกรรมแห่ประเทศไทย ในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงและตอบโจทย์ตลอดห่วงโซ่ของผลผลิตการเกษตร โดยขณะนี้ได้จัดตั้งการจัดตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร (Food & Agroindustry promotion subcommittee) และคณะอนุกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระดับภาค (สศก.) ในความร่วมมือระดับพื้นที่ (Area base) เพื่อการพัฒนาที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละที่ ซึ่งจะเกิดความยางยืนในการพัฒนาต่อไป

ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน

Related posts