ความบันเทิงแบบขนพองสยองเกล้าแปลกแต่จริงฉายหนังกลางแปลงให้ผีดูทำต่อเนื่องมากว่า 50 ปี ในสุสานพิจิตรสามัคคีฯ ตามความเชื่อวันชิวอิก หรือ วันเที่ยวของเทศกาลตรุษจีน ที่มีความเชื่อว่า ประตู นรก-สวรรค์ จะเปิด เผื่อให้ดวงวิญญาณร่องลอยมาพบเจอลูกหลานที่ประกอบพิธีเซ่นไหว้ในวันตรุษจีน
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=IMeYGMuJ9IM[/embedyt]
วันที่ 12 ก.พ. 2564 วันนี้ซึ่งอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ชาวจีนเรียกว่าวันชิวอิก หรือวันเที่ยว รวมถึงยังมีความเชื่อที่เล่าสืบทอดต่อกันมาว่า ประตูนรก-สวรรค์ จะเปิดเพื่อปล่อยให้ดวงวิญญาณของผู้ที่ล่างลับไปแล้วได้มารับส่วนกุศลหรือส่วนบุญที่ลูกหลานประกอบพิธีเซ่นไหว้ ดังนั้นกว่า 50 ปีต่อเนื่องมา กรรมการของมูลนิธิพิจิตรสามัคคีฯ ที่ดูแลสุสานวัดมูลเหล็ก ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านดงชะพลู ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมืองพิจิตร จึงได้จัดการฉายหนังกลางแปลงให้ผีดูอย่างต่อเนื่องมา ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหรือประเพณีที่แปลกแหวกแนวที่มีผู้ชมเป็นดวงวิญญาณ 330 หลุม ในสุสานพิจิตรสามัคคีฯ
โดย นายอนุศิษฐ์ หลิมศิริวงษ์ รองประธานมูลนิธิพิจิตรสามัคคีฯ ฝ่ายสุสาน เล่าให้ฟังว่าฉายหนังกลางแปลงมอบความบันเทิงให้ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษชาวจีน รวมถึงชาวไทยเชื้อสายจีนที่ล่วงลับไปแล้ว และฝังอยู่ที่สุสานแห่งนี้จำนวน 330 หลุม โดยฉายหนังกลางแปลงแบบนี้มาตั้งแต่ พ.ศ.2508 นับถึงวันนี้ 55 ปีเต็ม โดยในวันนี้จะฉายภาพยนต์ 3 เรื่อง เรื่องแรกคือ เรื่องโป่งเซียง ซึ่งเป็นภาพยนตร์สำหรับไหว้เจ้าที่และวิญญาณบรรพบุรุษ ส่วนเรื่องที่สอง คือ เรื่อง 1 ฟัด 1 ใหญ่ และเรื่องที่สาม คือ เรื่อง ล่าขุมทรัพย์ป่านรก
ในส่วนของ นายบุญเชิด คุ่ยคร้าม เจ้าของและผู้จัดการบุญเชิดภาพยนตร์ กล่าวว่า ตนเองเดินทางมาฉายภาพยนตร์ให้กับวิญญาณบรรพบุรุษชมมากว่า 50 ปี แล้ว ตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นและเป็นลูกน้อง จนถึงวันนี้อายุ 60 ปีแล้ว ซึ่งขณะนี้มีทีมงานเป็นของตนเอง แต่ยุคปัจจุบันหนังกลางแปลงกำลังจะสูญหายจากงานวัด งานประเพณี รวมถึงอาชีพคนฉายหนังกลางแปลงก็ค่อยๆเลิกลากันไป แต่ตนเองด้วยใจรักจึงยังคงทำอาชีพนี้อยู่มาฉายหนังกลางแปลงให้ผีดูที่มูลนิธิพิจิตรสามัคคีแห่งนี้ได้รับค่าจ้างไม่มาก พอได้เป็นเบี้ยเลี้ยงลูกน้องและพออยู่ได้ก็พึงพอใจแล้ว
นายบุญเชิดเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ที่ชวนขนหัวลุกขนพองสยองเกล้า โดยเล่าว่าเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ตนเองก็มาตั้งเครื่องฉายหนังแบบนี้ วันนั้นเป็นคืนเดือนหงาย แต่เริ่มพลบค่ำจู่ๆก็ปรากฏร่างชายชาวจีนสูงอายุลักษณะเหมือนอาแปะแก่ๆ นุ่งกางเกงขาก๊วย ใส่เสื้อคอกลมสีขาวแบบคนจีน โผล่มายืนข้างๆตนที่กำลังใส่ฟลิม์จะฉายหนังมาชวนคุยถามว่า วันนี้ฉายหนังเรื่องอะไรบ้าง ตนเองก็ตอบไปว่า ฉายหนัง 3 เรื่อง ส่วนเป็นเรื่องอะไรนั้นจำไม่ได้แล้ว ขณะพูดคุยอยู่นั้นตนเองก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับเครื่องฉาย
พอสิ้นเสียงของการพูดคุย ตนเองจึงเงยหน้าขึ้นมา ก็ปรากฏว่าอาแปะคนดังกล่าวหายวับไปกับตา ทำเอาตนเองขนหัวลุก แต่ไม่กล้าเล่าให้ลูกน้องฟัง ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ลี้ลับที่ได้พบเจอในสุสานแห่งนี้ สำหรับการฉายหนังกลางแปลงให้ผีดูเริ่มฉายหลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าทันที ฉาย 3 เรื่อง กว่าจะจบ ก็เกือบเที่ยงคืน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างวังเวง จะมีผู้ชมก็แค่เพียงกรรมการของมูลนิธิพิจิตรสามัคคีฯ และคนเฝ้าสุสาน 4-5 คน เท่านั้น ที่ใจกล้า ใจถึง นั่งดูอยู่เป็นเพื่อนกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่เกิดขึ้นที่สุสานแห่งนี้
สิทธิพจน์ พิจิตร